ตามกฎแล้วคนที่โต้แย้งเกี่ยวกับประโยชน์ของพริกหยวกนั้นถูกต้อง แต่ฉันสงสัยว่าพวกเขาหมายถึงพริกหยวกแบบไหน: เขียวเหลืองหรือแดง ผักเหล่านี้แตกต่างกันไม่เพียงแค่สีและรสชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแร่ธาตุและวิตามินด้วย
คำแนะนำ
ขั้นตอนที่ 1
พริกหยวกสีเขียวมีน้ำตาล 2.4 กรัมเส้นใย 1.7 กรัมใน 100 กรัม สีเหลือง - น้ำตาล 0.7 กรัม, เส้นใย 0.9 กรัม; สีแดง - 4, น้ำตาล 2 กรัม, ไฟเบอร์ 2, 1 กรัม จากตัวชี้วัดเหล่านี้ จะเห็นได้ว่าพริกหยวกแดงมีปริมาณน้ำตาลมากกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพริกถึงหวานที่สุด มีเส้นใยสีเหลืองไม่เพียงพอ
ขั้นตอนที่ 2
ที่น่าสนใจคือหลายคนเชื่อว่าพริกหยวกสีเหลืองมีรสหวานมากกว่าพริกเขียว แม้ว่าจะไม่เป็นความจริงก็ตาม ในความเป็นจริง ความแตกต่างของปริมาณน้ำตาลในพริกปาปริก้าพันธุ์เหล่านี้มีขนาดเล็กมาก แต่ก็ยังชอบพริกหยวก
ขั้นตอนที่ 3
หากความแตกต่างในองค์ประกอบทางโภชนาการของพริกพันธุ์ต่าง ๆ นั้นแตกต่างกันเล็กน้อยในแง่ของเนื้อหาของวิตามินและแร่ธาตุก็มหาศาล ตัวอย่างเช่น พริกหยวกแดงเช่นเดียวกับพริกหยวกพันธุ์อื่น ๆ ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีนอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่น - มีวิตามินเอในปริมาณสูง หากคุณกินพริกหยวกขนาดใหญ่หนึ่งเม็ดต่อวันก็จะเกือบสี่ ครั้งทับซ้อนกับความต้องการวิตามินซีในแต่ละวันของร่างกาย และจะชดเชยการขาดวิตามินเอเกือบทั้งหมด นอกจากนี้ พริกหยวกแดงยังมีสังกะสีและวิตามิน PP, B9, B2, B5, E จำนวนมาก
ขั้นตอนที่ 4
พริกหยวกสีเหลืองยังมีวิตามินซีสูงซึ่งเกินความต้องการรายวันของคนถึง 5 เท่า หากคุณกินผลไม้ขนาดใหญ่หนึ่งผล นอกจากนี้ความหลากหลายนี้มีวิตามิน B6 และธาตุเหล็ก
ขั้นตอนที่ 5
พริกหยวกสีเขียวไม่สามารถแข่งขันกับพริกหยวกสีแดงและสีเหลืองในแง่ของวิตามินและแร่ธาตุ อย่างไรก็ตามอย่าลดราคา ตัวอย่างเช่น แอปเปิลหนึ่งผลมีวิตามินซีน้อยกว่าพริกหยวกเขียวถึง 19 เท่า นอกจากนี้ยังมีปริมาณวิตามินเคสูงสุดของพริกหยวกทุกพันธุ์
ขั้นตอนที่ 6
หากเราพูดถึงประโยชน์ของพริกหยวกโดยทั่วไปแล้วควรสังเกตว่าช่วยเสริมสร้างหลอดเลือดลดการซึมผ่าน นอกจากนี้การใช้พริกหยวกยังช่วยปรับปรุงสภาพของผิวหนังและเยื่อเมือกการเจริญเติบโตของเส้นผมการมองเห็น พริกหยวกจะช่วยบรรเทาอาการหลอดลมอักเสบ ป้องกันการพัฒนาของหลอดเลือด และมีประโยชน์สำหรับการฟื้นฟูในสมองปกติ
ขั้นตอนที่ 7
การใช้พริกหยวกจะช่วยเร่งกระบวนการฟื้นตัวจากไข้หวัด เจ็บคอ และหวัดอื่นๆ จะช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร กระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารและตับอ่อน ควรสังเกตว่าการบริโภคพริกหยวกเป็นประจำช่วยป้องกันลิ่มเลือด